ช่องลมระบายอากาศบ้าน หรือ (Ventilating Opening) คือตัวช่วยคลายความร้อนและกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในบ้านด้วยลมและแสงแดดธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันช่องลมระบายอากาศมีให้เลือกติดตั้งหลายรูปแบบ เพื่อให้เข้ากับดีไซน์ของบ้าน โดยนิยมติดตั้งในส่วนต่างๆ ของบ้าน ดังนี้ 1. ช่องระบายลมใต้หลังคา การติดตั้งช่องระบายลมใต้หลังคาจะช่วยจัดการกับไอความร้อนที่สะสมอยู่ภายในตัวบ้าน เพราะด้วยกลไกของความร้อนที่จะลอยตัวสู่ที่สูง เมื่อเปิดช่องระบายอากาศก็จะช่วยให้ความร้อนที่สะสมลอยตัวออกจากตัวบ้าน ซึ่งจะช่วยให้บ้านเย็นขึ้น 2. ช่องลมระบายอากาศห้องน้ำ เป็นอีกหนึ่งห้องที่สำคัญมากๆ ที่ต้องติดตั้งระบบระบายอากาศในบ้าน เพราะจะช่วยถ่ายเทอากาศ ทำให้พื้นห้องน้ำไม่เฉอะแฉะ และห่างไกลกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดเชื้อโรคต่างๆ 3. ช่องลมระบายอากาศห้องครัว กลิ่นอาหาร กลิ่นอับ เป็นปัญหาหลักของห้องครัวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการติดตั้งช่องลมระบายอากาศบ้าน จะช่วยระบายความร้อน กลิ่น และควัน ซึ่งจะลอยตัวขึ้นสู่ที่สูง และลอยออกบริเวณด้านนอกบ้านได้อย่างรวดเร็ว 4. ช่องลมระบายอากาศห้องนอน ห้องนอนควรเป็นห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกเพื่อให้รู้สึกสบายตลอดการพักผ่อน ดังนั้นควรเลือกห้องนอนที่มีทางหมุนเวียนของอากาศ คือมีหน้าต่างหลายๆ บาน เพื่อให้ลมเย็นสามารถพัดเข้ามา และลมร้อนสามารถพัดออกไปได้ 5.
(เผื่อไว้) Amplatz stiff guide wire 0. 038" ความยาว 80 cm (เผื่อไว้) Dilator ขนาด 6 F, 8F (เผื่อไว้) สาย Drainage 8F ไหมเย็บขนาด 2. 0 หรือ 3. 0 การติดตามอาการ แพทย์จะตรวจเอกซเรย์ทรวงอกซ้ำอีกในวันรุ่งขึ้นว่าปอดขยายเต็มที่หรือยัง? แล้วลมรั่วหายหมดแล้วหรือยัง? ภาพเอกซเรย์ทรวงอกติดตามอาการ 1 วันหลังจากใส่สายระบาย จะเห็นปอดซ้ายขยายได้เกือบหมดมีเพียงลมรั่วในช่องอกเหลืออีกเล็กน้อย(ลูกศรสีแดง) ปลายสายระบายอยู่ในช่องอกข้างซ้าย (ลูกศรสีเขียว) ถ้าหากปอดขยายเต็มแล้วแพทย์จะถอดสายออกและให้คนไข้กลับบ้านได้ พึงระลึกไว้ว่าการใส่สายระบายลมรั่วในช่องอกเป็นการรักษาเบื้องต้น ไม่ใช่รักษาที่สาเหตุ เช่น กรณีสาเหตุของลมรั่วเป็นจากถุงซิสต์ของเยื่อหุ้มปอด หากผู้ป่วยมีลมรั่วในช่องอกเกิดขึ้นหลายครั้ง อาจต้องพิจารณารักษาสาเหตุโดยมีหัตถการทำลายถุงซิสต์ให้หมดไป
ช่องระบายอากาศห้องน้ำ - YouTube