อาการสตาร์ตไม่ติดแยกออกได้สามแบบ คือ 1- บิดกุญแจหรือกดสวิตช์สตาร์ตแล้วเงียบใบ้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น! 2- บิดกุญแจหรือกดสวิตช์สตาร์ตแล้วไดร์สตาร์ตหมุนช้า คล้ายคนใกล้หมดลม! 3-บิดกุญแจหรือกดสวิตช์สตาร์ต ไดร์หมุนเร็วจี๋เสียงดังฟังชัดแต่ดันไม่ติด ยิ่งเงิบหนัก? 1- บิดกุญแจหรือกดสวิตช์สตาร์ตแล้วนิ่งสนิทไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
รถยนต์ปัจจุบันที่ขายในไทยมีกฎข้อบังคับว่าต้องมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ออกซิเจนถึงจะสามารถจำหน่ายได้ ซึ่งว่ากันตามตรงอุปกรณ์ออกซิเจนเซ็นเซอร์ชิ้นนี้ หากเสียขึ้นมารถยนต์ของคุณจะมีอาการที่แปลกไปจากปกติ โดยจะเกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์เท่านั้น ลูกปืนล้อแตก ตรวจเช็กอย่างไง ราคาเท่าไหร่?
ไว้สำหรับติดต่อโดยตรง เพื่อที่จะประสานงานในการนำเอกสารหรือรายละเอียดต่างๆ เพื่อขอในการทำ home isolation ให้กับผู้ป่วย" สถานการณ์ในศูนย์พักคอยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
"ก็รู้สึกว่าเขาอยู่ที่ไหน เดี๋ยวไปหา เท่านั้นเองค่ะ ถามว่ามันไม่หนักเท่ากับระลอกก่อน ที่มันดึงความรู้สึกเราให้ดิ่งลงไปมาก เนื่องจากว่าระลอกก่อนหน้านี้ เราเจอคนเสียชีวิตทุกวันเยอะมากๆ ตอนนี้มันเป็นแค่โอเค ไหนเคสอยู่ที่ไหนคะ นอนอยู่ข้างถนนใช่ไหม ศูนย์เราถึงเราจะเต็มแค่ไหน แต่พื้นก็ยังว่าง เพราะฉะนั้นแทนที่เขาจะไปนอนพื้นถนน มานอนพื้นเราก็ได้ เรามีข้าวมีน้ำให้ มีแอร์ มีที่นอนให้ค่ะ ให้เขานอนพักผ่อนให้สบาย แล้วพรุ่งนี้ค่อยประสานได้ เพราะฉะนั้นคือถามว่ามันบริหารจัดการได้ไหม มันไม่ได้แย่เหมือนก่อน เหมือนกับว่าเราซ้อมกันมาเยอะแล้วค่ะ" อยากบอกให้คนระวังตัวยังไงบ้าง?
ปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์หมดอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น แบตเตอรี่เสื่อม ไดชาร์จเสื่อม มอเตอร์สตาร์ทเสื่อม หรือระบบไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อแบตรถยนต์หมด สตาร์ทรถไม่ติด วิธีแบตรถยนต์หมดทํายังไงเบื้องต้นคือ ขอพ่วงแบตเตอรี่กับรถยนต์คันอื่น ตามขั้นตอนดังนี้ 1. เตรียมสายพ่วงแบตเตอรี่ และขอความช่วยเหลือจากรถยนต์คันอื่นที่สามารถให้พ่วงแบตเตอรี่ได้ 2. ให้รถที่มีแบตเตอรี่ปกติจอดหันหน้าเข้าหารถยนต์ของเราให้ใกล้ที่สุด แล้วดับเครื่อง 3. ห้ามเปิดระบบไฟหรือสตาร์ทเครื่องยนต์ทั้ง 2 คันพร้อมกันเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดประกายไฟและเสี่ยงต่อการระเบิด รวมถึงห้ามสูบบุหรี่ จุดไฟแช็ก หรือก่อประกายไฟทุกชนิดในระหว่างที่กำลังพ่วงแบตเตอรี่ 4. ให้หนีบสายพ่วงแบตสีแดง (ขั้วบวก) ต่อเข้ากับแบตขั้วบวกของรถคันที่สตาร์ทไม่ติดก่อน จากนั้นจึงนำอีกฟากไปหนีบที่แบตขั้วบวกของรถที่มาช่วย 5. หนีบสายพ่วงแบตสีดำ (ขั้วลบ) ต่อเข้ากับแบตขั้วลบของรถคันที่มาช่วย และนำอีกฟากไปหนีบที่ตัวถังรถของคันที่รถสตาร์ทไม่ติด โดยไม่จำเป็นต้องต่อเข้าขั้วแบตโดยตรง เพราะตัวถังก็เป็นสื่อนำไฟฟ้าที่สามารถส่งตรงถึงตัวแบตเตอรี่ได้เช่นกัน 6. เมื่อต่อสายพ่วงแบตครบแล้ว ให้เริ่มสตาร์ทรถคันที่มาช่วยเหลือทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที แล้วเร่งเครื่องยนต์บ้างเล็กน้อย เพื่อให้แบตเตอรี่มีการไหลเวียนของประจุไฟฟ้า 7.