ศ. 2006 นิตยสาร Broadcasting & Cable รายงานว่า 2 ใน 3 ของผู้โฆษณาได้ว่าจ้างผู้ให้ความบันเทิง วางผลิตภัณฑ์สินค้าประกอบฉาก การผสมผสานตราสินค้า เข้าไปถึง 80% ของรายการโทรทัศน์ โดยกล่าวว่า "เหตุผลคือ เป็นการเข้าถึงอารมณ์ผู้ชมได้มากกว่า ได้ดีกว่า โดยเนื้อหาที่สัมพันธ์กัน เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้" จากข้อมูลของ พีคิวมีเดีย บริษัทที่ค้นคว้าการใช้สื่อ กล่าวว่า ในปี ค. 2014 เม็ดเงินที่ใช้ในการวางผลิตภัณฑ์ประกอบฉากมีค่าราว 10.
ถ้าอยากรู้ว่ามีแบรนด์อะไรบ้าง คลิกไปอ่านที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ ——————————————– หลายคนอาจรู้สึกว่าผู้สร้างทำการใส่โฆษณาแฝงมาแบบนี้เท่ากับเป็นการยัดเยียดให้กับผู้บริโภคเกินไปรึเปล่า? คำถามนี้อาจตอบยากนิดนึงเพราะมันขึ้นกับกรณีที่ว่า ถ้าใส่มาแล้วมันดี มันเวิร์ค มันก็เกิดผลดีกับทั้งผู้ชมอย่างเราและเจ้าของแบรนด์ แต่ถ้าเรื่องไหนที่ใส่มาแล้วรู้สึกมันเยอะไป ก็อาจสร้างความรำคาญแก่ผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็เป็นได้ แต่ก็อาจต้องคิดด้วยว่าที่ผู้สร้างพยายามจะใส่สินค้าแฝงมาส่วนหนึ่งก็เพื่อรายได้เสริมและความอยู่รอด ที่บางทีถึงจะออกมาดูไม่โอบ้างก็คงหลีกเลี่ยงได้ยากละนะ.. ตัวอย่างรายได้ก็เช่น Disney สามารถเรียกเก็บเงินค่าโฆษณาได้ 20000 เหรียญ (0. 6 ล้านบาท) สำหรับการมีภาพสินค้าลงในเรื่อง 40000 เหรียญ (1. 2 ล้านบาท) สำหรับการระบุชื่อแบรนด์ 60000 เหรียญ (1. 8 ล้านบาท) ถ้านักแสดงใช้ผลิตภัณฑ์จริงในฉาก **นี่คือข้อมูลจากหนังยุคราวๆ ปลายๆ ปี 80 นู้นเลยนะ ไม่รู้ตอนนี้ราคาจะขยับไปขนาดไหนแล้วววว ขอลาไปกับเคสพิเศษ แถมท้ายให้อีกสักนิดหน่อยก็แล้วกันกับเคสที่แอบสงสัยว่า… สรุปนี่เป็น Product Placement รึว่าทีมงานแอบลืมทิ้งไว้กันแน่กับแก้ว Starbucks ในซีรีส์ Game of Thrones!
การเปิดพื้นที่ให้สินค้าเข้ามาไทอินนี้ สร้างรายได้ให้กับซีรีส์เป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างเช่นซีรีส์เรื่องฮิตเมื่อปี 2016 "Descendants of the Sun" ก็สร้างรายได้จากการไทอินแบบให้วางสินค้าในเรื่อง (Product Placement) ถึง 2.
บทความโดย ScarX โย่ววว สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านเลยนะคร้าบ ท่านใดที่ได้ไปชม Weathering with You ของผู้กำกับอย่างชินไค มาโคโตะ มาแล้ว อาจจะสังเกตได้ว่าตัวละครเอกอย่างโฮดากะนั้นใช้อุปกรณ์จาก Apple แทบทั้งเรื่องเลย ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad หรือ MacBook รวมทั้งมีร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังอย่าง McDonald's และอื่นๆ อีกมากมายปรากฏอยู่ในเรื่อง ว่าแต่ท่านผู้อ่านเคยสงสัยกันมั้ยครับว่า สิ่งเหล่านี้ในวงการโฆษณาเค้าเรียกว่าอะไรกันนะ!? เหล่านี้เรียกในวงการโฆษณาว่า Product Placement หรือการวางผลิตภัณฑ์ประกอบฉาก จะเรียกว่าเป็นการ Tie-in ก็ไม่ผิดนักครับ ความหมายของมันคือการวางตราสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ ลงบนภาพยนตร์ แอนิเมชั่น หรือซิทคอมและซีรีส์เรื่องต่างๆ ซึ่งก็มีทั้งการใส่ไปแบบเนียนๆ บ้างก็โจ๋งครึ่มชัดเจนกันไปเลย และบางทีถ้าไม่สังเกตหรือตาดีจริง ๆ ก็แทบมองไม่เห็นจนบางเรื่องแทบจะไร้ประโยชน์ไปเลยก็มี.. แล้วจริงๆ มันมีผลต่อสินค้าต่างๆ มากแค่ไหนล่ะ? ในวงการสื่อโฆษณาต่าง ๆ นั้นจำเป็นที่จะต้องโปรโมทผลิตภัณฑ์ของตัวเองเพื่อเพิ่มยอดขายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่จะให้โฆษณากันตรงๆ หลายคนก็อาจเบื่อและหยิบรีโมทเปลี่ยนช่องได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการแฝงผลิตภัณฑ์ของตัวเองลงไปบนภาพยนตร์เรื่องต่างๆ นั้นก็เป็นผลดีต่อตัวผลิตภัณฑ์เองครับ ยิ่งถ้าใส่ไปแล้วดี อาจส่งผลต่อยอดขายของสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเลยก็ได้นะ!
ต้นตำรับความฮาร์ดเซลล์ต้องยกให้ Wayne's World จากปี 1992 ที่กำกับและแสดงโดยนักแสดงสุดฮาอย่าง Mike Myers ที่ทั้งเรื่องมีตราสินค้าที่ยกขบวนมาเป็นโหล เช่น ขนม Doritos, เสื้อผ้ากีฬาจากแบรนด์ Reebok และ Nike, Pizza Hut และอื่น ๆ อีกมาย โดยเด่นสุดๆ ขอยกให้ Pepsi ที่ตัวเอกอย่างนายเวนย์ยกขึ้นมาดื่มยังกะโฆษณาทางทีวี แถมยังพูดสโลแกนอย่าง "New Generation" ของ Pepsi ออกมาโต้งๆ อีกต่างหาก ลองดูแบรนด์สินค้าในเรื่องนี้สิครับ ว่าเขาฮาร์ดเซลล์ขนาดไหน!
แนบเนียน: การ Tie-in ที่ดีสินค้าต้องเข้ากับสถานการณ์และเนื้อหารายการโดยรวม พยายามแทรกแซงเนื้อหาเข้ามาให้แนบเนียนที่สุด Product ที่ Tie-in ต้องเข้ากันได้กับเนื้อหา ไม่ทำให้ผู้ชมดูแล้วเกิดอาการ ตะขิดตะขวงใจ 2. Hard Sell ผู้ชมไม่ปลื้ม: การนำเสนอสินค้าแบบตั้งใจจนเกินไปจะทำให้ผู้ชมไม่แฮปปี้รู้สึกโดนมัดมือชกให้ดู ดังนั้นการ Tie-in ควรสร้างการบอกต่อและสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ชมจะเป็นการดีกว่า 3. ใครคือ กลุ่มเป้าหมาย? : ปัจจุบันมีคอนเทนต์จำนวนมาก นักการตลาดและนักวางแผนต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ตัวเอง เพื่อจะได้เลือกรายการที่เหมาะสมเข้ากับสินค้า ซึ่งจะทำให้ Message ที่ต้องการส่งไปยังผู้ชมเกิดประสิทธิผลสูงสุด ความสำคัญของการทำการตลาดด้วยวิธี Tie-in ที่ไม่ว่าสปอตโฆษณาหรือแบนเนอร์ก็ไม่สามารถทำได้ก็คือ การสร้าง Brand Relevancy ระหว่างกลุ่มเป้าหมายกับผลิตภัณฑ์ให้มีความรู้สึกร่วมไปกับสินค้านั่นเอง
3B".. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2015-09-29. สืบค้นเมื่อ 2015-09-29. ↑ " ' แอร์เอเชีย'หนุนถ่ายซีรีส์ดังเกาหลี". กรุงเทพธุรกิจ. 2017-09-23. สืบค้นเมื่อ 2018-01-06. ↑ "โฆษณาแฝงในหนังสายลับ 007 ความเหมาะสมกับอรรถรสในการชม". มูลนิธิสื่อมวลชนศึกษา. 2015-10-21. สืบค้นเมื่อ 2018-01-06. ↑ "Transformers ขึ้นแท่นหนังมีโฆษณาแฝงมากที่สุดประจำปี 2014". 2015-03-06. สืบค้นเมื่อ 2018-01-06. ↑ 13. 0 13. 1 Gladys Santiago (2009-04-16). "Product Displacements Explained: Part 1". สืบค้นเมื่อ 2018-01-06. ↑ "Product Displacement". สืบค้นเมื่อ 2018-01-06. ↑ "Imaginary brands as "product displacement " ". 2009-05-12. สืบค้นเมื่อ 2018-01-06.