เผยแพร่: 22 ก. พ. 2563 08:55 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ โดย... นพ.
ลดกิจกรรมที่ทำให้ปวด หรือ กิจกรรมที่ต้องลงน้ำหนัก เช่น การยืนหรือเดินนาน ๆ เป็นต้น และ ควรออกกำลังชนิดที่ไม่ต้องมีการลงน้ำหนัก เช่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน 2. บริหารเพื่อยืดกล้ามเนื้อน่อง และ เส้นเอ็นร้อยหวาย 3. ใช้ผ้าพันที่ข้อเท้า ใส่เฝือกชั่วคราวในตอนกลางคืน หรือใส่เฝือกตลอดเวลา เพื่อลดการเคลื่อนไหวของข้อเท้า 4. ใส่รองเท้าที่เหมาะสม เช่น ขนาดกระชับพอดีไม่หลวมเกินไป ส้นสูงประมาณ 1–1. 5 นิ้ว มีขอบด้านหลังที่นุ่ม หรือใช้แผ่นรองส้นเท้ารูปตัวยู ( U) ติดที่บริเวณขอบรองเท้าด้านหลัง เพื่อไม่ให้ขอบของรองเท้ามากดบริเวณที่เจ็บ 5. หลีกเลี่ยงการเดินด้วยเท้าเปล่า 6. รับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซ็ตตามอล ยาแก้ปวดลดการอักเสบ ประคบด้วยความร้อน หรือใช้ยานวด 7. ฉีดยาสเตียรอยด์ บริเวณที่มีการอักเสบ ทุก 1-2 อาทิตย์ แต่ ไม่ควรฉีดเกิน 2 ครั้งใน 1 เดือน ถ้าไม่จำเป็นก็ ไม่ควรฉีด เพราะอาจเกิดผลแทรกซ้อนได้ เช่น เส้นเอ็นร้อยหวายขาด ผิวหนังบริเวณที่ฉีดเปลี่ยนเป็นสีขาว เป็นต้น การรักษาโดยการผ่าตัด ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัด 1. ผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการรักษาดี แต่กลับเป็นซ้ำบ่อย ๆ ไม่หายขาดทำให้มีปัญหาในการดำเนินชีวิตประจำวัน 2.
New Honda City 1. 5 Hybrid e:HEV RS ราคา 839, 000 บาท - YouTube
ขณะที่มีอาการเจ็บปวดเส้นเอ็น ควรพักการใช้งานให้เต็มที่และหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวในท่าที่ทำให้ปวด แต่เมื่อเริ่มทุเลาแล้ว ควรหมั่นบริหารข้อ (ตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด) เพื่อป้องกันไม่ให้ยึดติดและคืนสภาพปกติโดยเร็ว 2. ควรป้องกันโดยการหลีกเลี่ยงการใช้งานของข้ออย่างหนัก (เช่น การบิดข้อมือ หรือกำมือแรง ๆ การ เล่นกีฬาที่รุนแรง) หมั่นบริหารข้อเป็นประจำ เวลาเล่นกีฬาควรทำการอบอุ่นร่างกายก่อนเสมอ การรักษา 1. ควรหยุดพักการใช้ข้อที่ปวด ใช้น้ำอุ่นจัด ๆ ประคบ (ในรายที่เกิดจากการบาดเจ็บเฉียบพลัน ควรใช้ น้ำแข็งหรือน้ำเย็นประคบทันที และทำซ้ำทุก 3-4 ชั่วโมง จนพ้น 48 ชั่วโมง จึงเปลี่ยนมาประคบด้วยน้ำอุ่น) ทานวดด้วยขี้ผึ้งน้ำมันระกำหรือยาหม่อง ใช้ผ้าพันแผลชนิด ยืดพันให้พอแน่น (ในที่ ๆ ทำเฝือกได้ ควรใส่เฝือก) และ ให้กินยาต้านอักเสบที่ใช่สตีรอยด์ เมื่อทุเลาปวด ให้ค่อย ๆ เคลื่อนไหว บริหารข้อนั้นให้คืนสู่สภาพปกติ 2. ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ หรือเป็นรุนแรงหรือเป็นอาการ นิ้วล็อก ควรแนะนำไปโรงพยาบาล หรือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอาจต้องให้การรักษาด้วย การทำกายภาพบำบัดและใส่เฝือก บางรายอาจต้องเอกซเรย์ดูว่ามีหินปูนหรือแคลเซียมเกาะที่เส้นเอ็นหรือไม่ในรายที่เป็นมาก อาจต้องฉีดสตีรอยด์ ตรงบริเวณที่ปวด (การฉีดยาชนิดนี้ อาจทำให้ปวดมาก บางครั้งอาจต้องผสมยาชา) ซึ่งเป็นวิธีรักษาที่ได้ผลดี แต่ไม่ควรฉีดเกินปีละ 2-3 ครั้ง อาจทำให้เส้นเอ็นเปื่อย ฉีกขาด เกิดภาวะแทรกซ้อนยุ่งยากตามมาได้ ในรายที่เป็นเรื้อรังหรืเส้นเอ็นมีหินปูนเกาะ มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว อาจต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัด
การผ่าตัด (ส่วนน้อย) หากรับการรักษาแล้วแต่ยังมีอาการไม่หายขาด จึงมีความจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อผ่าตัดพังผืดเท้าบางส่วนและนำหินปูนที่กระดูกส้นเท้าออก 6. การฉีดยาลดการอับเสบ ไม่ควรใช้ยาสเตียรอยด์ฉีดเข้าบริเวณส้นเท้า เนื่องจากจะทำให้รักษาได้ยากขึ้น และมีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกติดเชื้อ ไขมันฝ่าเท้าฝ่อ หรือ เอ็นฝ่าเท้าฉีกขาดซึ่งยากต่อการรักษามาก ข้อควรระวัง ในบางกรณี การบาดเจ็บส้นเท้าอาจไม่ได้เกิดจากเอ็นฝ่าเท้าอักเสบเพียงอย่างเดียว ดังนั้นหากทำการบริหารแล้วยังมีอาการเจ็บอีก ผู้ป่วยควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษา และประมาณ 90% ของผู้ป่วยส่วนเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ มักจะดีขึ้นหลังจาก 2 เดือน หลังได้รับการรักษาที่เหมาะสม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์ออร์โธปิดิกส์ ชั้น 2 โซน A ศูนย์ออร์โธปิดิกส์ #โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ #โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ #ยืนนาน #เดินนาน #เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ #รองช้ำ #เจ็บส้นเท้า #อาการเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ #เอ็นฝ่าเท้าอักเสบเรื้อรัง #วิธีรักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ #ท่าบริหาร #Plantar Fasciitis
ในรายที่ตอบสนองต่อการรักษาไม่ดี โดยเฉพาะรายที่มีสาเหตุชัดเจน เช่น ฝ่าเท้าบิดเข้าหรือบิดออก เป็นต้น วิธีผ่าตัด เช่น ผ่าตัดเพื่อเอาถุงน้ำ เนื้อเยื่อที่อักเสบ และ กระดูกงอก ออก หรือ ผ่าตัดเปลี่ยนแนวกระดูก เป็นต้น ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น แผลเป็นนูนทำให้ปวดแผลเรื้อรัง เส้นเอ็นร้อยหวายขาด เป็นต้น อาหารที่แนะนำที่สามารถช่วยบำรุงเส้นเอ็นโดยเฉพาะคือ ข้าวกล้อง เม็ดบัว ลูกเดือย และเมล็ดทานตะวัน
0 2419 6465-6 (ในวันและเวลาราชการ) #ขอเชิญชวนผู้มีปัญหาสุขภาพด้านการนอนและผู้สนใจร่วมกิจกรรมสัปดาห์วันนอนหลับโลก "นอนดีชีวิตดี: นอนหลับสนิท ชีวิตสุขสันต์ โลกพลันสดใส ในวันที่ 11 มีนาคม 2563 เวลา 09. 00 - 14. 00 น. ณ โถงอาคาร ๑๐๐ ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ รพ. ศิริราช โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์นิทรรักษ์ ศิริราช โทร. 0 2419 7535 - 6 (ในวันและเวลาราชการ)